วันเสาร์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ปอเปี๊ยะสด เวียดนาม

เมนูสุดอร่อยวันนี้ขอเสนอ ปอเปี๊ยะสด เวียดนาม สำหรับผู้รักสุขภาพทุกท่านรับรองว่าอาหารสุดพิเศษนี้จะช่วยท่านได้อย่างแน่นอน เพราะปอเปี๊ยะสดเวียดนาม ทำง่ายและอร่อยมากๆ
Por-pia-sod
ส่วนผสมสำหรับหมูหมัก
1. เนื้อหมูสันนอก 3 ขีด หรืออาจจะใช้หมูยอแทนก็ได้
2. ซีอิ้วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
3. ซอสปรุงรส 1 ช้อนโต๊ะ
4. ซอสหอยนางรม 1 ช้อนโต๊ะ
5. น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
ส่วนผสมสำหรับปอเปี๊ยะสด
1. ใบเมี่ยงเวียดนาม สำหรับห่อเป็นปอเปี๊ยะสด
2. ใบโหระพา
3. ใบสะระแหน
4. ผักกาดหอม
5. ผักชีฝรั่ง
6. แครอทซอยเป็นเส้น
ส่วนผสมน้ำจิ้ม
1. น้ำส้มสายชู 1/2 ถ้วย
2. น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย
3. เกลือ 1 ช้อนชา
4. พริกชี้ฟ้าแดง 1 ช้อนโต๊ะ
5. กระเทียม 1 ช้อนโต๊ะ
6. หัวผักกาด ขูดฝอยเป็นเส้น 1/4 ถ้วย
7. แครอท ขูดฝอยเป็นเส้น 1/4 ถ้วย
วิธีทำปอเปี๊ยะสด
แล่เนื้อหมูเป็นชิ้นบางๆ ตามขวางของเนื้อหมู
หมักเนื้อหมูด้วย ซีอิ้วขาว ซอสปรุงรส ซอสหอยนางรม น้ำตาลทราย คลุ๊กให้เขากัน แล้วทิ้งไว้ในตู้เย้น 1 ชั่วโมง
เตรียมใบเมี่ยง โดยนำใบเมี่ยงมาพรมน้ำเล็กน้อย เพื่อให้ใบเมี่ยงนิ่ม
นำเนื้อหมูที่หมักไว้มาย่างกับเตาย่าง หรือกระทะ พอสุก หั่นเป็นชิ้นยาวๆ
นำใบเมี่ยงมาห่อ โดยนำผักกาดหอมวางก่อน ตามด้วยใบโหระพา ใบสาระแหน ผักชีฝรั่ง แครอทซอย และหมูย่าง ห่อให้เน่นๆ
วิธีทำน้ำจิ้ม
น้ำพริกชี้ฟ้าแดง กระเทียมโขลกให้ละเอียด
ใส่หัวผักาดขูดฝอย แครอทขูดฝอยใส่ ตามด้วย น้ำส้มสายชู น้ำตาลทราย เกลือ และพริกกระเทียมที่โขลก
ตั้งเตาเคี่ยวเป็นเวลา 10 นาที เทใส่ถ้วย
เป็นอันเสร็จสิ้นแล้วสำหรับเมนูปอเปี๊ยะสดเวียดนาม สำหรับคนที่กำลังลดน้ำหนักรับรองว่าเมนูนี้จะช่วยให้สุขภาพของท่านดีอย่างแน่นอน




หมูทอดถูกและดี ที่เจ๊จงหมูทอด

หมูทอดถูกและดี ที่เจ๊จงหมูทอด

รายงานโดย :ชายโย:
วันศุกร์ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2552
สวัสดีครับ วันนี้ตะลอนชิมของเราไม่ได้ไปไหนไกลกว่าออฟฟิศแถวคลองเตยเลยครับ ที่แรกผมคิดจะแนะนำร้านอาหารแถวสุพรรณ

แต่หารูปไม่เจอไม่รู้ไปซ่อนไว้ไหน เลยต้องเปลี่ยนมาเป็นร้านที่ควรอยู่ในคิวถัดไปของผมก็คือ ร้านหมูทอดเจ๊จง ร้านเล็กๆ ที่ผมตั้งใจจะทำมานานแล้ว เพราะวิ่งผ่านกี่ทีๆ ก็มีคนต่อคิวซื้อยาวอยู่หน้าร้านตั้งแต่เช้าจรดเย็น

ร้านหมูทอดเจ๊จงนี้มาง่ายมากๆ ครับ คือวิ่งเส้นพระราม 4 เข้าไปจอดรถฟรีที่โลตัสพระราม 4 ร้านเจ๊จงนี้จะอยู่ซอยด้านหลังโลตัสพระราม 4 พอดีออกมายังไงก็ต้องเจอครับเป็นซอยเล็กๆ รถวิ่งไม่มาก แต่คนรอต่อคิวซื้อยาวจริงๆ ยาวจนเราตกใจ ทีแรกก็นึกว่าจะเป็นการเรียกลูกค้าเหมือนที่ร้านขนมปังบางเจ้าเคยทำจนโด่งดังติดลมบนมาก่อน เลยลองมองๆ ดูได้ประมาณ 34 เดือนคนก็ยังแน่นร้านทั้งวันเหมือนเดิมครับ ดังนั้นร้านนี้ของจริงชัวร์ไม่มั่วนิ่ม

อย่างที่ผมบอกทีแรกครับว่าร้านนี้เจอโดยบังเอิญมากๆ คือขับรถผ่านตอนประมาณ 7 โมงเช้าคนก็แน่น เคยผ่าน 10 โมงเช้าคนก็แน่น บ่ายก็แน่น ร้านนี้ต้องมีอะไรดีๆ แน่ ของดีที่ว่านั่นก็คือ ถูก เยอะ และดี ถึงว่าคนแน่นทั้งวัน แน่นจนเรารู้สึกเหนื่อยแทนพ่อค้าเลยล่ะ ก็เพราะราคาอาหารนั้นไม่แพงเลยครับ อย่างหมูทอดนั้น ขายเพียงขีดละประมาณ 20 บาท ข้าวถุงละ 5 บาท หรือจะสั่งใส่จานก็ได้ ราคาประมาณ 25 บาทต่อจาน หลายครั้งเรารู้สึกว่าการนั่งรับประทานที่ร้านจะได้เยอะกว่าสั่งกลับบ้าน

นอกจากหมูทอดแล้วก็มีฮ่อยจ๊อ ปูจ๋า ไข่ต้ม และอื่นๆ อีกเล็กน้อยพอให้มีรสชาติน่ารับประทานมากขึ้น รสชาตินั้นก็เรียกได้ว่าอร่อยพอดีๆ คืออยู่ในมาตรฐานหมูทอดที่ดี ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มคนทำงานที่ต้องการสร้างฐานะครอบครัว ต้องการอาหารราคาถูกรับประทานพออิ่มเป็นมื้อๆ ให้มีเรี่ยวแรงจะสู้ชีวิตในยุคเศรษฐกิจตกต่ำ ไม่ใช่อาหารราคา 3040 บาท รสชาติดีเลิศแต่ลูกค้ารับประทานไม่พออิ่ม นึกแล้วก็รู้สึกสะท้อนใจเล็กๆ แต่ก็ไม่รู้จะว่าอย่างไร เพราะมีหลายปัจจัยที่ทำให้ทุกอย่างในสังคมเดินไปในทิศทางนี้ และต่างฝ่ายต่างมีเหตุผลของตัว

คนที่ชอบรับประทานอาหารก็แบ่งออกเป็นสองกลุ่มคือ แพงเท่าไหร่ไม่ว่าแต่ขอให้อร่อยๆ กับกลุ่มขอให้มีอาหารราคาสมเหตุสมผลรสชาติให้รับประทานลงก็พอ สองกลุ่มเดินบนเส้นขนาน “กินเพื่ออยู่กับอยู่เพื่อกิน” เรื่องรสชาติอาหารร้านนี้เราคงไม่ขอให้ความเห็นมากมาย แต่บอกได้ว่าสมเหตุสมผลแล้วครับ ร้านหมูทอดเจ๊จงเป็นอีกหนึ่งร้านที่ไม่เอาเปรียบลูกค้า ในแต่ละวันคนถึงได้แน่นร้านตลอดไม่มีวันหมด หรือจะเรียกว่ากินกำไรน้อยแต่กินนาน ได้ใจลูกค้าก็คงได้มั้งครับ

--~--~---------~--~----~------------~-------~--~----~

คอลัมน์ อร่อยนอกบ้าน (วันที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2552)

คอลัมน์ อร่อยนอกบ้าน




1.หนึ่งในเมนูเจ ที่ห้องอาหารจีน หยก โรงแรมดิ เอมเมอรัลด์ ระหว่าง 18-26 ตุลาคม 2552

2.ไตเติ้ล ชุดอาหารมังสวิรัติ ที่ห้องอาหารจีนชาง โรงแรมรามาการ์เด้นส์

3."ผัดหมี่ซั่วเห็ดหอม" ที่ห้องอาหารยู แอนด์ หมี่ โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ ระหว่าง 17-26 ตุลาคม 2552

4.เทศกาลอาหารเจ ที่ห้องอาหารจีนหลิว โรงแรมคอนราด กรุงเทพฯ ระหว่าง 18-26 ตุลาคม 2552

- อาทิตย์นี้ก็เข้าสู่เทศกาลกินเจ ละเว้นเนื้อสัตว์กันแล้ว แต่บางคนจะเริ่มล้างท้องกันตั้งแต่วันเสาร์ที่ 17 ตุลาคม และถือศีลยาวไปจนถึงวันจันทร์ที่ 26 ตุลาคม เป็นวันสุดท้าย ห้วงเวลาแห่งการถือศีลกินเจ "อร่อยนอกบ้าน" มีสถานที่ให้บริการอาหารเจรสเด็ดมากมาย เช่น...

- ห้องอาหารฟาวเท่น คาเฟ่ โรงแรมสวิสโฮเต็ล เลอ คองคอร์ด กรุงเทพฯ เปิดเทศกาลอาหารเจ ด้วยสารพันอาหารเจและผักสดนานาชนิด อาทิ ผัดผักรวมมิตร ลาบหมู พะโล้ หมี่ซั่วเจ ทอดมันข้าวโพดเจ ยำเห็ด และเต้าหู้น้ำแดง 18-27 ตุลาคม 2552 มื้อกลางวันในราคา 380++ บาท และมื้อค่ำในราคา 699++ บาท สอบถาม 0-2694-2222 ต่อ 1530

- ห้องอาหาร คาเฟ่ แอ็ท เดอะ พาร์ค โรงแรมเซ็นจูรี่ พาร์ค จัดชุมนุมรายการอาหารเจ ตั้งแต่ 17-26 ตุลาคม 2552 บุฟเฟ่ต์มื้อกลางวัน 499++ บาท บุฟเฟ่ต์มื้อเย็น 599++ บาท พร้อมโปรโมชั่น "มา 4 จ่าย 3" สำรองที่นั่ง 0-2246-7800 ต่อ 4418

- ห้องอาหารจีนเจด การ์เดน เตรียมมาให้อร่อยกันอย่างเต็มอิ่มในบุฟเฟ่ต์อาหารจีน ทุกวันอาทิตย์ มื้อกลางวัน ตั้งแต่เวลา 11.30-14.30 น. ผู้ใหญ่ราคา 530++ บาท เด็กราคา 430++ บาท สำรองที่นั่ง โรงแรมมณเฑียร ถนนสุรวงศ์ 0-2233-7060 ต่อ 5112

5.เทศกาลอาหารเจ ที่ห้องอาหารจีน เดอะ โกลเด้น พาเลซ โรงแรมวินเซอร์ สวีทส์ สุขุมวิท 20

6.อิ่มบุญกับเทศกาลเจ ตั้งแต่วันนี้จนถึง 28 ตุลาคม 2552 ที่โรงแรมแกรนด์ เมอร์เคียว ฟอร์จูน กรุงเทพฯ

7.เอาใจคอมังสะวิรัติ ที่ห้องอาหารอินเดียเฟเวอร์ส โรงแรมปทุมวัน ปริ๊นเซส

8."เต้าหู้แปดเซียนเจเสฉวนสไตล์" ที่ห้องอาหารจีน กู๊ดเอิร์ธ โรงแรมอโนมา กรุงเทพฯ



- ห้องอาหารจีนชาง โรงแรมรามาการ์เด้นส์ เตรียมมาให้เป็นชุด ประกอบด้วย เห็ดหอมทอดกรอบ, หูฉลามเส้นเห็ดหอม, ผัดโหงวก๊วย, ข้าวผัดเจ และผลไม้สด ในราคาชุดละ 350++ บาท ตลอดเดือนตุลาคมนี้ สำรองที่นั่งโทร.0-2558-7888 ต่อ 10030, 10031

- โรงแรมอิมพีเรียลควีนส์ปาร์ค สุขุมวิท 22 เตรียมเมนูเจ 2 แบบ 2 สไตล์ไว้บริการ ชอบรสชาติตำรับดั้งเดิมเชิญที่ห้องอาหารไทยลายทอง กับเมนูชุดพิเศษในราคา 550 บาท/ท่าน และ 650 บาท/ท่าน หรือถ้าเป็นสไตล์กวางตุ้ง ต้องที่ห้องอาหารจีนอิมพีเรียลไชน่า สำรองโต๊ะ 0-2261-9300 ต่อ 5004, 5059

- โรงแรม แคนทารี เบย์ ระยอง ร่วมเทศกาลอาหารเจตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคม มีให้เลือกทั้งเจ-ไทย และเจ-นานาชาติ สอบถามเพิ่มเติม 0-3880-4844

9.อาหารว่างโฮมเมดเจ 7 สี 7 ไส้ ที่ร้านอาหารสีฟ้า

10.เติมความหวานด้วยขนมญี่ปุ่น ที่ห้องอาหารคิสโซะ โรงแรมเดอะ เวสทิน แกรนด์ สุขุมวิท



- โรงแรมริชมอนด์ ต้อนรับเทศกาลกินเจ ด้วยเมนูอาหารเจนานาชาติเพื่อสุขภาพ 3 ชาติ 3 สไตล์ ไทย จีน และญี่ปุ่น เริ่มที่เจ-ไทย กับ "ลาบเห็ดสามเกลอ" เมนูเจ-จีน "ปลาเจผัดเปรี้ยวหวาน" หรือถ้าชอบเต้าหู้ ขอแนะนำ "เต้าหู้ทรงเครื่องเจ" เมนูสุดท้าย เจ-ญี่ปุ่น เป็น "ข้าวปั้นรวมเจ"

- ห้องอาหารการ์เด้นคาเฟ่ โรงแรม แมริออท รีสอร์ท แอนด์ สปา พัทยา ชวนอิ่มบุญกับเทศกาลอาหารเจ ทั้งอาหารไทย จีน รวมถึงอาหารนานาชาติ ตลอดเทศกาล สอบถามเพิ่มเติม 0-3841-2120

- แฟนๆ ซิซซ์เลอร์ ร่วมอิ่มบุญในเทศกาล J Festival วันที่ 17-27 ตุลาคม กับ 5 เมนูเจที่สรรแล้ว ได้แก่ หมี่สิงคโปร์ ผัดหมี่เจ ผักย่างพร้อมน้ำสลัดสูตรพิเศษ ต้มยำผักเพื่อสุขภาพ และเห็ดชิตาเกะชุบแป้งทอด ที่ร้านซิซซ์เลอร์ 33 สาขาทั่วประเทศ ในราคาอิ่มละ 149 บาท

- ตั้งแต่วันที่ 18-27 ตุลาคม 2552 ห้องอาหารคาเฟ่ เดอ นีมส์ โรงแรม แกรนด์ สุขุมวิท กรุงเทพฯ ขอเชิญร่วมอิ่มบุญ ด้วยอาหารเจแบบบุฟเฟ่ต์นานาชาติ มื้อเที่ยง ท่านละ 550 บาท++ มื้อเย็น ท่านละ 790++ บาท สำรองที่นั่ง 0-2207-9999 ต่อ 5608

- ห้องอาหารไทย ฟอร์เก็ต มี นอท โรงแรมรามาการ์เด้นส์ ขอเสนอ "เมนูชุดอาหารเจ" ชุดละ 350 บาทถ้วน ตลอดเดือนตุลาคมนี้ สอบถาม 0-2558-7888 ต่อ 10225

- ร้านอาหารสีฟ้า ชวนลิ้มเมนูอาหารว่าง โฮมเมดแบบเจ เจ กับซาลาเปาเจ 7 สี 7 ไส้ อาทิ ไส้เห็ดรวม ผักรวม ถั่วแดง พุทราจีน เกาลัด โอ่วนี้แปะก๊วย และงาดำ ยังมีพัฟเจ สอดไส้เห็ดและพัฟสอดไส้ผักโขม พิเศษเทศกาลเจ ซื้อซาลาเปาเจ 2 ลูก ราคา 45 บาท หรือพัฟเจ 2 ชิ้น ฟรี 1 ชิ้น หรือใช้บริการดิลิเวอรี่ อาหารเจ ที่ 0-2800-8080

- ส่วนที่ ลา พาทิซเซอรี่ โรงแรมเซ็นจูรี่ พาร์ค สรรมาให้ คัพเค้ก "เจ" ในราคาชิ้นละ 50 บาท แฮปปี้อาวร์ 18.00-22.00 น. "ซื้อ 1 แถม 1" สอบถาม 0-2246-7800 ต่อ 4424


--~--~---------~--~----~------------~-------~--~----~

ลาภปากจาก"หลวงพ่อคูณ" "นัดภิรมย์"ปักธงชัย

ลาภปากจาก"หลวงพ่อคูณ" "นัดภิรมย์"ปักธงชัย

คอลัมน์ หิวหรืออิ่มก็ยิ้มพอกัน

โดย "นายเหล็กหวาน"




"คุณไพโรจน์ สุวรรณฉวี" อดีตรัฐมนตรี ที่ปารวณาตัวเองเป็น "นายอิน" ภารกิจทางการเมืองในพรรคเพื่อแผ่นดิน มอบหมายให้ "คุณพินิจ จารุสมบัติ-ปรีชา เลาหพงศ์ชนะ" จัดการกันไป ตัวเองขอปิดทองหลังพระ

"คุณไพโรจน์" ชักชวนด้วยวาจา

ในฐานะศิษย์ก้นกุฏิ และเป็นแม่งานคนสำคัญในการสร้างพิพิธภัณฑ์ "หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ" แห่งวัดบ้านไร่ เพื่อเข้าเฝ้าฯรับเสด็จสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯที่เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดพิพิธภัณฑ์หลวงพ่อคูณ เมื่อกลางอาทิตย์ที่ผ่านมา

พร้อมกับส่งความปรารถนาดี ว่า ไหนจะไปแล้ว น่าจะไปนอนค้างคืน สูดโอโซนลมเย็นๆ ที่บ้านพัก "กระท่อมหิน" วังน้ำเขียว ตื่นเช้าไม่ต้องรีบร้อนบึ่งรถจากจุดที่พักไปวัดบ้านไร่ อ.ด่านขุนทด เพียงชั่วโมงเศษๆ

กลางค่ำกลางคืน จะให้ชาวบ้านละแวกนั้น คัดเกรดอาหารการกินมาเลี้ยงกันตามมีตามเกิด กลั้วด้วย "ไวน์" รสนุ่มๆ

เจอข้อเสนอสารพัดพิเศษเข้าอีหรอบนี้ มีหรือที่จะกล้าปฏิเสธ

วันงานก่อนคณะเข้าวัดบ้านไร่ เวลายังมีเหลือเฟือ ต้องหาอะไรกินในมื้อเที่ยง

แต่คณะที่ไปแล้วแต่พวก "ต่างถิ่น" ไม่ชินพื้นที่ นั่งรถไปตรวจตราหาร้านข้างถนน เพื่อหาอะไรรองท้องไป

ก่อนถึงอำเภอปักธงชัย ประมาณ 5-6 กิโลเมตร เหลือบไปเห็นสัญลักษณ์ "เชลล์ชวนชิม" ของ "คุณชายถนัดศรี"

ยี่ห้อนี้ แนะนำร้อยร้าน อร่อยทั้งร้อยร้าน รับประกันคุณภาพได้

ไม่เช่นนั้น "คุณชายฯ" คงไม่ระบือนามด้านอาหารมาตราบเท่าทุกวันนี้

อยู่ไกลถึงปักธงชัย ประทับตรา "เชลล์ชวนชิม" มื้อเที่ยงจึงฟันธงตรงกันว่า ต้องไปกินที่ร้าน "นัดภิรมย์"

"นัดภิรมย์" เดิมทีคงเปิดขายไก่ย่าง และค่อยๆ แปรสภาพเป็นร้านอาหาร ที่โด่งดังสุดของปักธงชัย

ไม่ชำนาญทางแล้ว ยังไม่สันทัดในการสั่ง ว่าจานไหน อะไร คือ เมนูเด็ด

เลือกจิ้มเอาตามใจชอบ จานแรกคือ ไก่ย่าง เพราะไก่ย่างโคราชขึ้นชื่อลือชาหลายเจ้า

ตามด้วย ฉู่ฉี่ปลากด รสชาติเฉียบมาก

เสียดายผมสั่ง ปลาดุกผัดเผ็ด แต่แม่ครัวบอกว่า ปลาหมด

แต่แก้เกมด้วยการสั่ง แกงหอยขม กับ หมูผัดหน่อไม้

เมนูที่ร้านนี้หลายอย่างน่าจะมีทีเด็ดที่ไก่บ้าน ไม่ว่าจะประเภทผัดเผ็ด แกงป่า หรืออื่นๆ แต่ไม่กล้าสั่งมามาก เพราะในคณะ 2-3 คนเป็นเก๊าต์ กินไปครึ่งตัวปวดกระดูกแตก เลยสั่งมาจำกัดแค่ไก่ย่าง

งานนี้ถือว่าเป็นโอกาสดีเอามากๆ นอกจากได้กราบนมัสการ "หลวงพ่อคูณ" แล้วยังได้ "ลาภปาก

เพราะป้ายเชลล์ชวนชิมของ "คุณชายถนัดศรี" โดยแท้จึงได้เข้าไปกินอาหารอร่อยนาม "นัดภิรมย์" แห่งปักธงชัย

อร่อยจับใจขนาดไหน "คุณขรรค์ชัย บุนปาน" นายใหญ่ของคณะรับประกันได้

ขนาดว่า ขากลับออกมาจากวัดบ้านไร่ ตอนใกล้ค่ำ

ยังสั่งพลพรรคว่า "ไปกินที่ร้านนัดภิรมย์อีกมื้อ"

ตอนเที่ยงยังกินไม่หนำใจ และเมนูอีกหลายอย่างที่ลืมสั่ง

มาเก็บตกอีกขนาน อร่อยกลิ้งกลับกรุงเทพฯ ไม่เว้นกระทั่ง "ผัดหมี่โคราช"

ที่ถูกใจเป็นที่สุด คือ ราคา กิน 3 โต๊ะ แค่พันต้นๆ

แพงนิดหน่อยที่ค่าทิปเท่านั้นแหละครับ
--~--~---------~--~----~------------~-------~--~----~

เทนโกกุ Tengoku สวรรค์ล้านนาของนักชิมอาหารญี่ปุ่น

เทนโกกุ Tengoku สวรรค์ล้านนาของนักชิมอาหารญี่ปุ่น

คอลัมน์ ตามรอยพ่อไปชิม

โดย ปิ่นโตเถาเล็ก




ปลาดิบชุด UME

เนื้อย่างราดซอสพิเศษ (Beef Tataki)

นิกิริซูชิ

มาถึงตอนสุดท้ายว่าด้วยเรื่องราวร้านอร่อยในเมืองเชียงใหม่ แนะนำอาหารเมืองกับอาหารฝรั่งไปแล้ว ถึงคราวของอาหารญี่ปุ่นบ้าง เป็นที่น่าประหลาดใจ อกอีแป้นแตก ที่ได้ไปพานพบของอร่อยโออิชิถึงถิ่นล้านนา

ร้านนี้มีชื่อเต็มๆ ว่า "Tengoku de Cuisine" หรือเรียกสั้นๆ ว่า "เทนโกกุ" คำนี้ในภาษาญี่ปุ่นแปลว่า สวรรค์ ผมขอยกให้เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นที่ดีที่สุดในจังหวัดเชียงใหม่ ที่ฝรั่งใช้คำว่า The Best Japanese Restaurant in Town เลยก็ว่าได้ เจ้าของไม่ใช่ใครอื่นไกลคือ พี่ปึก หรือคุณสันต์ สืบแสง ที่ผมคุ้นเคยเป็นอย่างดี

พี่ปึกลงทุนไปเรียนทำอาหารญี่ปุ่นกับเชฟคนไทยผู้อยู่ในวงการร้านอาหารญี่ปุ่นซึ่งมีเจ้าของเป็นชาวอาทิตย์อุทัยแท้ๆ มาตลอด 20 ปี ไปๆ มาๆ เลยชวนกันมาทำร้านที่เชียงใหม่เสียเลย เพิ่งเปิดไปสดๆ ร้อนๆ เมื่อเดือนกรกฎาคมนี่เอง ตัวร้านอยู่ในซอยวัดบวกครกหลวง ตรงข้ามกับโรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล ดาราเทวี ตกแต่งได้ญี่ปุ๊นญี่ปุ่น ชวนเคลิบเคลิ้มนึกว่าอยู่ที่นั่นจริงๆ

ภัตตาคารญี่ปุ่นชั้นดีในกรุงเทพฯมีของดีๆ อะไร ที่เทนโกกุก็มีด้วยไม่แพ้กัน อย่างเช่น ปลาดิบสั่งตรงมาจากตลาดปลาในประเทศญี่ปุ่นก็มีมาทุกวันอังคารและวันศุกร์เช่นเดียวกัน วาซาบินอกจากแบบธรรมดาที่เราคุ้นเคยแล้วยังมี "วาซาบิสดๆ" ที่เอามาปรุงรสผสมโชยุ เกลือ น้ำตาล กินเปล่าๆ ยังอร่อยเลย

จะบอกให้ว่าร้านญี่ปุ่นในกรุงเทพฯเพียงไม่กี่ร้านเท่านั้นที่นำเข้าวาซาบิสดๆ มาใช้ ก็มันแพงนี่นา น่าจะเป็นที่เดียวในเชียงใหม่เสียด้วยที่มีวาซาบิสดๆ รสชาติหอมหวนกว่าวาซาบิผงและไม่ฉุนจี๊ดขึ้นสมองจนเกินไป โดยจะให้มาในชุดปลาดิบด้วย แต่ถ้าติดใจสั่งเพิ่มคิด 50 บาทจ้ะ

สเต๊กเนื้อวากิว



เท่านี้ยังไม่พอ ซีอิ๊วญี่ปุ่นหรือโชยุของเจ้านี้ก็ไม่ธรรมดา ไม่ใช่รินจากขวดมาใช้เลยนะ อย่างนั้นน่ะจะจิ้มอะไรทีก็มีรสชาติเค็มเกินไป ต้องเอามาต้มก่อนแล้วปรุงรสด้วยน้ำสต๊อคปลากับเหล้ามิริน รสจึงกลมกล่อมอย่าบอกใคร ขนาดราดข้าวคลุกกินได้เลย

เข้าเรื่องอาหารกันเลยดีกว่า มาชิมร้านนี้ควรรวบรวมสมัครพรรคพวกสักอย่างต่ำ 4 คน จะได้สั่งของดีๆ จานโตๆ ได้ ทีเด็ดมากๆ ต้อง "ปลาดิบชุด UME ที่ดีที่สุด" (1,500 บาท+) (ราคาอาหารบวกค่าบริการ 10%) อร่อยคุ้มค่าเทียบกับคุณภาพปลาแล้วถูกจนเหลือเชื่อ มีปลาดิบ 4 อย่าง อย่างละ 3 ชิ้น ชิ้นหนาเตอะเสียจนคอนักชิมอาหารญี่ปุ่นจากเมืองหลวงตกใจไปตามๆ กัน ว่าทุ่มทุนสร้างกันขนาดนี้ ให้เลือกชิมจากปลาชนิดดีสุดก่อน

ไล่จาก "ชูโทโร" (Chu Toro) ที่เป็นเนื้อส่วนท้องของปลาทูน่า อุดมด้วยมันปลาเคี้ยวชุ่มฉ่ำ ซึ่งผมจะชอบมากกว่าโอโทโร (O Toro) ที่เป็นเนื้อท้องซึ่งมีมันปลามากเสียจนกินเกิน 2 ชิ้นแล้วรู้สึกเลี่ยนเกินไปทุกที จากนั้นให้กิน "ปลาเยลโลว์เทล หรือฮามาจิ" (Hamachi) ซึ่งผมต้องบอกผ่านถึงแม้จะเป็นของโปรดก็ตามที เพราะกินทีไรเกิดอาการแพ้ขึ้นผื่นเต็มตัวทุกที ตามด้วย "ปลาแซลมอน" เนื้อมันๆ ชิ้นหนาๆ เช่นกัน



ตบท้ายด้วย "อกามิ" (Akami) หรือปลาทูน่าชิ้นสีแดงสด อย่าลืมจิ้มกับวาซาบิสดด้วยนะ เท่านี้ยังไม่หมด มี "กุ้งหวาน" สดอร่อยอีกด้วย

ลืมอะไรลืมได้ แต่ห้ามลืมสั่ง "มะเขือม่วงราดซอสมิโสะ" (Natsudeng Kaku) (120 บาท+) เป็นอันขาด นี่คืออาหารจานมะเขือม่วงที่อร่อยสุดสุด ใช้ไฟแรงๆ ฟู่เดียวแล้วราดซอส โอ้ มันช่างหนึบหอมหวานเหมือนกินคัสตาร์ด อร่อยเสียนี่กระไร

ใครบ้าเนื้อวัวเหมือนผม รับรองได้ขึ้นสวรรค์ตามชื่อร้านเลย มี "เนื้อย่างราดซอสพิเศษ" (Beef Tataki) (700 บาท+) ที่เอาเนื้อ Strip Loin จากนิวซีแลนด์ มาสะดุ้งไฟให้พอสุกแล้วทิ้งไว้ให้เย็น นำไปห่อแล้วแช่เย็น ความหวานฉ่ำของเนื้อจึงยังคงอยู่ครบถ้วน วิธีการกินให้เอาเนื้อไปแช่ในน้ำจิ้มที่ทำจากน้ำส้มสายชูญี่ปุ่นกับโชยุ เติมกระเทียมบดกับหอมใหญ่ลงไป แล้วแช่ไว้เพียง 5-7 วินาที โอ้ เจ้าประคุณรุนช่องเด็ดอย่าบอกใคร

อีกอย่างเป็นอาหารจานหลัก "สเต๊กเนื้อวากิว" จากออสเตรเลีย (วากิวเป็นเนื้อวัวพันธุ์จากญี่ปุ่น) (1,200 บาท+) เสิร์ฟมาในจานร้อน แค่เอาลิ้นดุนก็ละลายในปากแล้ว หรือจะลิ้มลอง "เนื้อตุ๋นแบบญี่ปุ่น" (180 บาท+) รสหอมหวานเป็นของกินเล่นเรียกน้ำย่อย

ยังมีของดีที่ไม่ใช่เนื้อวัวอีกมากมาย ชอบปลาต้องชิม "คางปลาฮามาจิย่าง" (Hamachi Honiku) (450 บาท+) ที่มีทั้งส่วนเนื้อๆ และชิ้นมันๆ ที่ห้ามพลาดอร่อยติดดาวอีกเช่นกันคือ เทมปุระ ซึ่งวันนี้เราสั่ง "เทมปุระผักรวม" (200 บาท+)ซึ่งเขาผสมแป้งเองมีทั้งความกรอบและความหนึบ ส่วนน้ำจิ้มรสกลมกล่อมหอมขิงสับ กินแค่น้ำจิ้มยังอร่อยเลย

เมนูที่น่าลิ้มลองยังมี "เต้าหู้ทอดทรงเครื่อง" (100 บาท+) ที่กรอบนอกนุ่มใน "สลัดสาหร่ายย่าง" (200 บาท+) ที่เขาเอาสาหร่ายไปอังไฟก่อน วิธีกินให้เอางาขาวโรยให้ทั่วแล้วสับเป็นชิ้นเล็กๆ คลุกกับผักกาดแก้ว ถ้ายังไม่จุใจให้จบด้วย "นิกิริซูชิ หรือข้าวปั้นรวมมิตร" (400-800 บาท+) ที่สดอร่อยอีกเช่นกัน

หนาวนี้ขอเชิญขึ้นไปเชียงใหม่ แล้วเพลิดเพลินไปกับอาหารญี่ปุ่นที่เทนโกกุ กินแล้วเหมือนขึ้นสวรรค์จริงๆ จ้ะ รักหรอกจึงบอกให้

ข้อมูล

เทนโกกุ (Tengoku de Cuisine)

โดย คุณสันต์ (พี่ปึก) สืบแสง

ที่ตั้ง 55/8 ม.1 ตรงข้ามโรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล ดาราเทวี ต.ท่าศาลา อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 50000

โทร. 0-5385-1133

เปิดบริการ 11.00-14.00 น. และ 17.00-22.00 น. ทุกวัน

อาหารแนะนำ ปลาดิบชุด UME มะเขือม่วงราดซอสมิโสะ (Natsudeng Kaku) เนื้อย่างราดซอสพิเศษ (Beef Tataki) สเต๊กเนื้อวากิว คางปลาฮามาจิย่าง (Hamachi Honiku) เนื้อตุ๋นแบบญี่ปุ่น เทมปุระผักรวม เต้าหู้ทอดทรงเครื่อง สลัดสาหร่ายย่าง นิกิริซูชิ

--~--~---------~--~----~------------~-------~--~----~

ลาบเจ หอมข้าวคั่ว จานเด่นร้าน"เบ๊ฉั่งฮะ"

"ลาบเจ"หอมข้าวคั่ว จานเด่นร้าน"เบ๊ฉั่งฮะ"

อิ่มอร่อย



เทศกาลกินเจ เวียนมาถึงแล้ว ช่วงนี้ร้านค้าต่างๆปรุงอาหารเจออกมานำเสนอกันอย่างคึกคัก

ร้านเบ๊ฉั่งฮะ ฝั่งตรงข้ามกรมชลประทาน ถนนสามเสน ที่เปิดบริการขายอาหารมา ยาวนานกว่า 3 ชั่วอายุ ร่วมเสนออาหารในเทศกาลเจมาทุกปีเช่นกัน

วนิดา อัศวพานิต หรือ ลูกค้าเรียกว่า "เจ๊จู" กล่าวว่า ในทุกๆ ปีของเทศกาลถือศีลกินเจ รวมถึงวันพระ ร้านนี้จะขายอาหารที่เป็นเมนูเจด้วย

ปกติ ร้านเบ๊ฉั่งฮะ จะขายอาหารหลากหลายเมนูไม่ซ้ำกันในแต่ละวัน แต่อาหารที่ขาดไม่ได้ที่ทางร้านจะต้องทำคือเมนูอาหารเจ จะทำไว้ในลูกค้ากิน คือ 3-4 เมนู ยืนพื้น และยิ่งวันไหนเป็นวันพระก็จะทำเพิ่มขึ้นอีกหลายเมนู โดยลูกค้าขาประจำส่วนใหญ่เป็นข้าราชการของกรมชลประทาน และมีลูกค้าขาจรแวะมาเป็นระยะ



เจ๊จูเล่าให้ฟังว่า เราอยากให้ลูกค้าได้มีโอกาสกินอาหารเจ เพราะทุกวันนี้คนเรากินแต่เนื้อสัตว์ ฉะนั้น อาทิตย์หนึ่งน่าจะหาโอกาสไม่กินเนื้อสัตว์บ้าง และในเทศกาลถือศีลกินเจ ช่วงวันที่ 15-27 ต.ค.นี้ ทางร้านจะทำแต่อาหารเจ ไม่มีส่วนประกอบของเนื้อสัตว์เลย ทำให้ลูกค้าได้อิ่มอร่อยกับอาหารเจและอิ่มบุญกับเราด้วย

สำหรับปีนี้ เราเตรียมเมนูไว้หลายเมนู เหมือนทุกๆ ปีที่ผ่านมา ซึ่งวัตถุดิบที่ใช้เราก็ซื้อมาจากเยาวราช ส่วนผักต่างๆ เราซื้อมาจากตลาดเทเวศร์ ทางร้านเราเน้นความสะอาดเป็นสำคัญ ถือว่า เรากินได้ ลูกค้าก็กินได้

เมนูแนะนำวันนี้ได้แก่ "กะหล่ำปลีตุ๋นเห็ดหอม" วิธีทำไม่ยาก ใช้กะหล่ำปลีล้างน้ำให้สะอาด ผ่าครึ่ง ผึ่งให้แห้ง จากนั้นทอดในน้ำมันพอท่วม พร้อมเห็ดหอม ใช้ไฟแรง และใช้เวลาทอดไม่นาน เพื่อให้กะหล่ำปลีเขียวอยู่

จากนั้นใส่น้ำซุปปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว โดยมีเต้าหู้ทอดโรยหน้า ซึ่งก็จะได้ความเค็มและหวานของกะหล่ำปลี รสชาติลงตัวพอดี

"เกี้ยมฉ่ายผัดน้ำมันงา" ใช้ใจของผักกาดดอง ผัดกับน้ำมันงา เห็ดหอม จากนั้นปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว น้ำตาล ซึ่งเมนูนี้จะได้ คือรสหวานเปรี้ยว กลิ่นหอมน้ำมันงา

ต่อมาเป็น "ลาบเจ" ถือว่าเป็นเมนูจานเด่นของร้านเลยก็ว่าได้

จานนี้มีส่วนผสมของโปรตีนเกษตร ข้าวคั่ว พริกป่น เห็ดนางฟ้าฉีก มะนาว คั่วทุกอย่างในกระทะ จากนั้นปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว พริกป่น มะนาว แต่งหน้าด้วยผักชีฝรั่งกับใบสะระแหน่ ได้รสชาติเหมือนลาบทั่วไป คือเปรี้ยวเผ็ด หอมข้าวคั่ว แต่ไม่มีเนื้อสัตว์ ใช้โปรตีนเกษตรแทน "ผัดฟองเต้าหู้" ใช้ฟองเต้าหู้กับดอกไม้จีน แช่และล้างน้ำให้สะอาด จากนั้นผัดฟองเต้าหู้กับเห็ดหอม ปรุงรสด้วย ซีอิ๊วขาว น้ำตาล โรยหน้าด้วยผักขึ้นฉ่าย ซึ่งก็จะได้ความหวานและเค็ม

เจ๊จู กล่าวว่า ทุกเมนูของร้านเบ๊ฉั่งฮะ อยากจะให้ทุกท่านมากินกันในช่วงเทศกาลถือศีลกินเจ ร้านเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 05.00-17.00 น. วันจันทร์ถึงวันศุกร์ หยุดวันเสาร์อาทิตย์ เบอร์โทร.ร้าน 0-2243-1119 โดยร้านอยู่ตรงซอยสามเสน 18 หรือตรงข้ามกับกรมชลประทานพอดี
--~--~---------~--~----~------------~-------~--~----~

วันพุธที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ก๋วยเตี๋ยวห้อยขา ริมน่าน พิษณุโลก

ก๋วยเตี๋ยวห้อยขา ริมน่าน พิษณุโลก
.
ก๋วยเตี๋ยวห้อยขา ริมน่าน พิษณุโลก
ทริปนี้หมูหิน.คอมพาเพื่อน ๆ มาเที่ยวที่จังหวัดพิษณุโลกครับ จะว่าไปแล้วพิษณุโลกก็มีของดี ของเด่นมากมายเลยทีเดียว โดยเฉพาะอาหารมีมากมายให้เลือกทาน แต่ละร้านรสชาติก็ไม่เป็นสองรองใครเลย หากพูดถึงพิษณุโลกก็ต้องนึกถึงแม่น้ำน่านที่ไหลผ่านเมืองสองแคว และหากนึกถึงแม่น้ำน่านแล้วหลายคนก็จะต้องนึกถึงก๋วยเตี๋ยวห้อยขา เพราะมีชื่อสียง แขกไปใครมาก็ต้องมาลิ้มลอง และทริปนี้หมูหิน.คอมก็จะพาเพื่อน ๆ มาลิ้มลองรสชาติที่ร้านก๋วยเตี๋ยวห้อยขา ริมน่านครับ ฟังจากชื่อแล้วเพื่อน ๆ คงจะนึกออกว่าก๋วยเตี๋ยวห้อยขามันเป็นยังไงไปดูกันเลย


ร้านก๋วยเตี๋ยวห้อยขา ริมน่าน ตั้งอยู่ที่ถนนพญาเสือ หรือหาง่าย ๆ แค่ขับรถเลาะแม่น้ำน่านทางฝั่งวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ หรือที่รู้จักกันในนามวัดใหญ่ ขับตรงเข้ามาประมาณ 90 เมตร ก็จะเห็นร้านก๋วยเตี๋ยวห้อยขา ริมน่าน อยู่ฝั่งขวามือ เป็นร้านไม้ทรงไทย ยกพื้นสูง น่านั่งมากครับ

ร้านก๋วยเตี๋ยวห้อยขา ริมน่าน เปิดขายมา 3 ปีแล้ว เปิดขายทุกวันตั้งแต่ 09:00 – 16:00 น. โดยพี่แดง เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวห้อยขา ริมน่าน เป็นคนคิดค้นสูตรก๋วยเตี๋ยว รวมทั้งเมนูอื่น ๆ ของร้าน อีกทั้งยังออกแนวคิดในการตกแต่งร้าน และพัฒนาปรับปรุงร้านให้มีคุณภาพอยู่เสมอ จนทุกวันนี้ร้านก๋วยเตี๋ยวห้อยขา ริมน่าน กลายเป็นร้านก๋วยเตี๋ยวอันดับหนึ่งของเมืองสองแควไปแล้ว แหม! น่าภูมิใจแทนพี่เค้าจังครับ


พี่แดง เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวห้อยขา ริมน่าน บอกว่าก่อนที่จะมาทำร้านก๋วยเตี๋ยวห้อยขา ริมน่าน พี่แดงทำงานที่กรมสรรพากร จังหวัดพิษณุโลกครับ และด้วยลักษณะของงานจึงทำให้มีโอกาสได้พบปะผู้คน ทั้งแขก ทั้งผู้ใหญ่ของจังหวัด และ ต่างจังหวัด เมื่อมีแขกมาที่พิษณุโลกก็ต้องนึกถึงก๋วยเตี๋ยวห้อยขา แต่ด้วยสมัยก่อนร้านก๋วยเตี๋ยวห้อยขา มีไม่กี่ร้าน จึงไม่ค่อยเพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า พี่แดงก็เลยเกิดแนวคิดในการทำร้านก๋วยเตี๋ยวห้อยขา ริมน่านขึ้น เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าและบรรดานักท่องเที่ยว

ร้านก๋วยเตี๋ยวห้อยขา ริมน่านเป็นร้านขนาดกลาง มีโต๊ะนั่งประมาณ 26 โต๊ะ รอบ ๆ ร้านจัดเตรียมไว้เป็นระเบียงไม้ แล้วเปิดโล่งตรงกลาง สำหรับนั่งห้อยขา มีโต๊ะเสริมด้านล่างบริเวณหน้าร้านอีกประมาณ 4 โต๊ะ การตกแต่งร้านออกแบบให้เป็นเรือนไม้ทรงไทย หลังคายกสูง เพื่อเพิ่มความโปร่งสบายให้กับลูกค้า ภายในร้านจัดโต๊ะนั่งได้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย และสะอาดสะอ้าน

ลูกค้าที่มาส่วนใหญ่จะเลือกนั่งโซนห้อยขา ซึ่งจัดไว้รอบ ๆ ร้าน โซนนั่งห้อยขาจุลูกค้าได้ประมาณ 30 คน แต่ถ้าเป็นเด็ก ๆ ตัวเล็ก ๆ ก็นั่งได้มากกว่านั้นนะครับ สำหรับลูกค้าที่ไม่ชอบนั่งห้อยขา ก็เลือกนั่งโซนตรงกลางร้านได้ เป็นลักษณะการนั่งกับพื้นนะครับ เพราะฉนั้นทุกคนที่มาทานก๋วยเตี๋ยวห้อยขา ริมน่าน ต้องถอดรองเท้า เพราะตัวร้านยกสูงจากพื้น และต้องขึ้นบันไดขึ้นไปบนร้าน แต่ลูกค้าที่ไม่ต้องการถอดรองเท้า หรือโต๊ะนั่งด้านบนในร้านเต็ม ก็สามารถนั่งโต๊ะเสริมด้านล่างของร้านก็ได้ มีประมาณ 4 โต๊ะครับ


ร้านก๋วยเตี๋ยวห้อยขา ริมน่านเป็นร้านที่มีชื่อเสียงจริง ๆ ครับ เพราะลูกค้าเข้ามาอุดหนุนที่ร้าน ตลอดทั้งวัน โดยเฉพาะเวลา 11:00 – 13:00 น. ถือเป็นช่วงเวลาของการแข่งขันครับ ไม่ใช่แข่งขันเพื่อเอาชนะอะไร แต่เป็นการแข่งเก้าอี้ดนดรี ใครมาก่อนก็ได้ที่นั่งก่อน บางคนต้องไปนั่งรอเพื่อต่อคิวนั่งโต๊ะกันเลย

และด้วยรสชาติที่เป็นเสิศ ร้านก๋วยเตี๋ยวห้อยขา ริมน่าน จึงได้รับการรันตีความอร่อย จากทุกสายอาชีพ มีรายการโทรทัศน์หลายรายการมาถ่ายทำ เพื่อยืนยันถึงความอร่อย พี่แดงบอกว่ากว่าจะมาถึงทุกวันนี้ได้ ต้องใช้ทั้งแรงกายและแรงใจ แต่ไม่มีวันไหนที่พี่แดงบอกกับตัวเองว่าเหนื่อยเลย เพราะทุกอย่างที่ทำนั้นมาจากใจครับ และสิ่งเดียวที่สำคัญสำหรับการทำร้านก๋วยเตี๋ยวห้อยขา ริมน่าน ก็คือ ความซื่อสัตย์ต่อลูกค้า

มาถึงเมนูเด่นของร้านก๋วยเตี๋ยวห้อยขา ริมน่าน กันบ้างครับ เริ่มกันที่เมนูบะหมี่โบราณหมูแดง มีทั้งแบบน้ำ และแบบแห้ง เส้นบะหมี่เหนียวนุ่ม ไม่อืด ส่วนหมูแดงก็นุ่ม หวานพอดี อีกทั้งรสชาติที่เค้าปรุงมาให้เรียบร้อยแล้ว อร่อยเป็นที่สุด ตามมาด้วยเมนูหมี่ซั่วน้ำหมู กลิ่นน้ำซุปหอมสุด ๆ ไปเลย ส่วนหมี่ซั่วก็เป็นของฝากขึ้นชื่อของเมืองสองแคว พี่แดงเค้าก็เอามาประยุกต์ ให้เป็นเมนูเด่นของร้าน

นอกจากเมนูก๋วยเตี๋ยว ที่ร้านนี้ก็มีออร์เดิร์ฟจานด่วน เอาไว้ยั่วน้ำลายเล่นอีกเยอะแยะมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ลูกชิ้นหมูลวก เต้าหู้ทอด เกี้ยวทอด หนังหมูกรอบ ส่วนเมนูเครื่องดื่มเค้าก็ทำเองหมดทุกอย่าง รสชาติก็ไม่ต้องพูดถึง ทั้งหวาน ทั้งมัน ไม่ว่าจะเป็นกาแฟเย็น ชานมเย็น โอเลี้ยง ชาดำเย็น ชามะนาว น้ำเก๊กฮวย

สำหรับเพื่อน ๆ ที่มาเที่ยวพิษณุโลก หลังจากกราบนมัสการพระพุทธชินราชที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุแล้ว ก็ต้องมาชิมก๋วยเตี๋ยวห้อยขา ริมน่าน ทวนกันอีกทีนะครับ ขับรถเลาะแม่น้ำน่าน ตามถนนพุทธบูชา ตรงเข้ามาประมาณ 90 เมตร จะเห็นร้านก๋วยเตี๋ยวห้อยขา ริมน่าน ตั้งอยู่ขวามือครับ

ก๋วยเตี๋ยวห้อยขา ริมน่าน พิษณุโลก
ป้ายหน้าร้านและโชว์เมนูให้เห็น
ก๋วยเตี๋ยวห้อยขา ริมน่าน พิษณุโลก
รับประกันความอร่อย
ก๋วยเตี๋ยวห้อยขา ริมน่าน พิษณุโลก
ใบรับประกันความอร่อย
ก๋วยเตี๋ยวห้อยขา ริมน่าน พิษณุโลก
ด้วยความห่วงใยและใส่ใจสุขภาพของลูกค้า
ก๋วยเตี๋ยวห้อยขา ริมน่าน พิษณุโลก
เข้าใจและไม่ต้องบรรยาย
ก๋วยเตี๋ยวห้อยขา ริมน่าน พิษณุโลก
เครื่องปรุงสะอาดน่ากิน
ก๋วยเตี๋ยวห้อยขา ริมน่าน พิษณุโลก
ผักสดๆ น่ากินเหลือเกิน
ก๋วยเตี๋ยวห้อยขา ริมน่าน พิษณุโลก
เอาไว้ปรุงใครก็รู้จัก
ก๋วยเตี๋ยวห้อยขา ริมน่าน พิษณุโลก
ร้านก๋วยเตี๋ยวห้อยขา ริมน่านต้องเดินไปจ่ายที่โต๊ะ
ก๋วยเตี๋ยวห้อยขา ริมน่าน พิษณุโลก
ร้านตกแต่งง่ายๆสบาย
ก๋วยเตี๋ยวห้อยขา ริมน่าน พิษณุโลก
เตรียมของรอกันใหญ่

มูหิน.คอม คิดจะเที่ยวเว็บเดียวก็พอ...
ภาพ เรื่อง และวีดีโอ.....ทีมงานหมูหิน.คอม