บัวลอยเผือกมะพร้าวอ่อนและกรอบเค็มสูตรดั้งเดิม.
ขนม ขบเคี้ยวแก้เปรี้ยวปากแบบไทยๆ ที่เจ๊แซบยกให้เป็นที่หนึ่งในใจตลอดกาลคือ "กรอบเค็ม" แผ่นแป้งบางๆทอดกรอบกำลังดี คลุกกับเครื่องเทศให้ถึงเครื่องกระเทียม พริกไทย รากผักชี เป็นการมิกซ์แอนด์แมตช์ที่สุดแสนจะลงตัว ไม่มีเลี่ยน ไม่มีเซ็ง โดย เฉพาะกรอบเค็มของ "ป้าหนู" ขวัญใจหนุ่มสาวชาวแบงก์ย่านสีลมที่ได้รับความนิยมมายาวนาน ด้วยมาตรฐาน ความกรอบ นุ่ม หนักเครื่อง เน้นพริกไทย ถ้าได้เริ่มหม่ำเมื่อไหร่เป็นหยุดไม่ได้ จนลูกค้าขาประจำตั้งฉายาให้ว่า "กรอบเค็มผีสิง" ถ้าใครใจไม่แข็งจริงจะถูกกรอบเค็ม ป้าหนูเข้าสิง ทำให้กินไม่ยอมหยุด (ฮา)
"ป้าขายกรอบเค็มมาได้ 30 ปีแล้วค่ะ คือจริงๆ ก่อนหน้านี้สามีป้าทำงานแบงก์ เราก็อยู่บ้าน แต่มันไม่พอกิน ป้าก็เลยต้องมองหาอาชีพเสริม ก่อนหน้านี้ป้าเรียนทำขนมมาบ้างแต่ไม่ได้เรียนทำกรอบเค็ม จะทำขนมพวกพาย ทำพวกขนมฝรั่งมากกว่า ทีนี้ที่บ้านคุณย่า คุณยายก็ทำแต่ขนมไทยโบราณเราก็เลยดูๆ แล้วจำมาลองทำในแบบฉบับของ ตัวเอง แต่ว่าสูตรแบบโบราณเราก็คงเอาไว้ กว่าจะทำออกมาขายได้ ใช้เวลานานหลายปี เพราะเราไม่ได้จะทำเล่น หรือทำกินกันเองในครอบครัว เราตั้งใจทำขายแบงก์ เราก็เลยต้องทำให้ดีตั้งแต่ต้น ทำแล้วก็ได้รับการต้อนรับ ดีมาตลอดค่ะ เรียกได้ว่ากรอบเค็มเลี้ยงครอบครัว แล้วก็เลี้ยงลูกเราจนโต เป็นขนมที่มีบุญคุณกับครอบครัวป้าค่ะ ส่วนชื่อกรอบเค็มผีสิงเป็นชื่อที่ลูกค้าพนักงานแบงก์ตั้งให้ค่ะ" ปัจจุบันป้าหนูนั่งทำขนมอยู่ที่บ้านแล้วส่งมาขายที่ธนาคารกรุงเทพสำนักงาน ใหญ่ และทำตามออเดอร์ของลูกค้า ขาประจำ ทำแค่พอขายในแต่ละวัน รับประกันความสดใหม่ ไม่มีค้างคืน หรือเหม็นหืนฝืดคอ
ป้าหนู เจ้าของสูตรอร่อย.
จุด เด่นของกรอบเค็มป้าหนูที่ทำให้ใครหลายคนยับยั้งชั่งใจให้เลิกหม่ำได้ยาก คือ แป้งที่กรอบ แต่นุ่ม ทุกชิ้นชุ่มไปด้วยน้ำตาล และเครื่องเทศที่เกาะเคลือบอยู่เกือบทุกอณูของตัวแป้ง กัดไปตรงไหนเป็นต้องโดน
คุณป้าหนูแอบกระซิบบอกสูตรลับฉบับครอบครัว เทคนิคที่ทำให้แป้งกรอบนุ่ม อยู่ที่ "ลีลาการนวดและคลึง (แป้ง)" หลังจากที่ผสมแป้งกับหัวกะทิและน้ำมันพืชเล็กน้อยพอให้แป้งเกาะตัวหยุ่นมือ ไม่เละ ไม่เหลว หรือแข็งกระด้างมือจนเกินไป หลังจากได้ส่วนผสมที่ลงตัวก็ลงมือ "นวด" ให้ส่วนผสมทุกอย่างรวมกันเป็นเนื้อเดียว จากนั้นนำแป้งมา "คลึง" จนเป็นแผ่นบางๆ แล้ว นำไปทอด ลีลาการนวดคลึงที่ถูกที่ ถูกเวลา ถูกจังหวะจะทำให้แป้งที่ได้กรอบนุ่มละมุนลิ้นกินเพลิ้น..เพลิน (หุหุ)
การ ทอดแป้งมีความสำคัญไม่แพ้การนวด ต้องทอดให้กรอบเสมอกัน และสะเด็ดน้ำมันให้แห้งสนิท แป้งจึงจะกรอบถึงขีดสุด ระหว่างที่รอแป้งแห้งป้าหนูจะผัดกระเทียม พริกไทย รากผักชีที่โขลกเตรียมไว้ แล้วนำมาใส่ในน้ำตาลที่เคี่ยวจนเป็นยางมะตูมเหนียว หนืด กำลังดี ป้าหนูเลือกใช้น้ำตาลปี๊บจากแม่กลองเท่านั้นถึงจะหวานหอมถึงอกถึงใจ
หลัง จากที่ผัดเครื่องกับน้ำตาลเรียบร้อยแล้ว แป้งที่ทอดจะแห้งได้ที่กำลังดี นำน้ำตาลมาเท ใส่ในแป้งทอดและลงมือคลุกอย่างใจเย็น ค่อยๆ เป็นค่อยๆไป ถ้าคลุกแรง แป้งจะหักเสียหายไม่น่าโซ้ย ระหว่างคลุกป้าหนูต้องคอยดูให้ น้ำตาลเคลือบแป้งทอดอย่างสม่ำเสมอและ ทั่วถึง จึงจะเรียกได้ว่าสำเร็จเสร็จสิ้นกลายเป็น กรอบเค็มที่หลายคนกินแล้วหยุดไม่ได้!!!
นอกจากกรอบเค็มรสเลิศแล้ว ป้าหนู ยังมี "บัวลอยเผือก" รสละมุนละไม กะทิหอมได้ใจ ไม่หวานมาก ป้าหนูใช้เผือกหอมอย่างดีนำไปต้มจนเนื้อซุย นำมานวด กับแป้งมันเล็กน้อย เน้นเผือกเป็นหลัก นวดจนแป้งกับเผือกรวมตัวกันเป็นเนื้อเดียว นำมากดเป็นตัวๆ ลวกด้วยน้ำเดือดจัด แล้วลวก ด้วยน้ำเย็น และล้างด้วยน้ำเย็นอีกทีจนหมดเมือกของแป้งมัน จึงนำมาใส่ในหม้อน้ำกะทิ
ขั้น ตอนการทำน้ำกะทิค่อนข้างละเอียดอ่อน และต้องใช้เวลา เริ่มจากต้มกะทิด้วยไฟกลางๆจนเดือด ระหว่างต้มต้องขยันคน จนเนื้อกะทิเนียนได้ที่ เติมน้ำตาล เกลือ และใส่ใบเตยลงไป ต้มต่อด้วยไฟอ่อนๆ คนต่อไปจนกะทิสุกได้ที่ ใส่แป้งบัวลอยเผือก และเนื้อมะพร้าวอ่อนลงไปต้ม คนสักพัก เร่งไฟให้เดือดปิดฝาหม้อไว้สักพัก ก็ปิดเตา เป็นอันจบ!!
บัวลอยเผือกควรทานใหม่ๆในวันที่ซื้อ ไม่ แนะนำให้เก็บข้ามคืน ป้าหนูจะทำบัวลอยเผือกเป็น ถุงๆ ขายคู่กับกรอบเค็ม ใครอยากสั่งจำนวนมาก สำหรับทำบุญ หรือออกร้านกรุณา โทร.บอกล่วงหน้า สนใจติดต่อได้ที่เบอร์ 08-1147-7129
กรอบ เค็มของป้าหนูมีทั้งแยกขายเป็นถุงๆ และสั่งทำเหมาเป็นกิโล สอบถาม รายละเอียดได้กับป้าหนูโดยตรง "เคยมีคนสั่งป้าเยอะสุดก็ 10-20 โล ป้าก็รับค่ะ แต่ต้องบอกล่วงหน้าหน่อย เพราะป้าทำคนเดียว ค่อยๆทำแต่ก็ทำไหวค่ะ เพราะสำหรับป้าไม่ว่ายังไง...ลูกค้าก็คือพระเจ้านะคะ" คุณป้า แอบอ้อนส่งท้ายอย่างอารมณ์ดี
ร้านป้าหนูเปิด ทุกวันเสาร์-พฤหัสฯ หยุด วันศุกร์หนึ่งวัน เริ่มขายตั้งแต่ 10 โมงครึ่งถึงสองทุ่มครึ่ง ทางร้านมีบริการส่งถึงบ้านเก็บเงินปลายทาง
ขาโซ้ยชาวเจทางร้านมี "กรอบเค็มเจ" ทำขึ้นเป็น พิเศษสำหรับขาโซ้ยนักบุญโดยเฉพาะ!!
เจ๊แซบ หัวเขียว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น